ขุนพลช้างศึกทีมชาติไทยเดินทาง ถึง “กัมพูชา” เรียบร้อยแล้ว เพื่อทำภารกิจสำคัญในการไล่ล่าเหรียญทอง ทวงความเป็นเจ้าลูกหนังของอาเซียนกลับคืนมาให้ได้หลังจากสะกดคำว่าแชมป์ไม่เป็นในซีเกมส์ 2 ครั้งหลังสุด
ขณะที่ทัพนักกีฬาประเภทอื่นก็เริ่มทยอยเดินทางกันบ้างแล้วเพื่อปรับสภาพร่างกายก่อนที่จะลงชิงชัยอย่างเป็นทางการวันที่ 5-17 พ.ค. โดยที่ทัพชุดใหญ่จะเดินทางไปวันที่ 4 พ.ค. งานนี้บอกเลยไม่ง่ายและไม่ยากหากต้องการก้าวไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเป้า 162 เหรียญทองที่ทางการกีฬาแห่งประเทศไทยประเมินไว้ตอนแรก โอกาสหรือความเป็นจริงค่อนข้างยาก เพราะถ้าทำได้นั้นหมายถึงการครองเจ้าเหรียญทอง ไม่เป็นไรเมื่อกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ออกมาแล้วก็ต้องทำอย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปถึงความสำเร็จ ที่แน่ๆสถิติต้องไม่น้อยกว่าตอนที่ฝึกซ้อม ส่วนปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าที่ทำให้พลาดเหรียญทองค่อยว่ากันอีกที
สำหรับกีฬาแต่ละชนิดเท่าที่ติดตามต้องยอมรับว่าอาจไม่ง่ายเจองานหนักแน่นอน เพราะเท่าที่ดูประเภทไหนที่เป็นความหวังจ๋านั้นต้องถูกลบทิ้งจากสารบบการชิงเหรียญทองทันที หลายประเภทที่เจอเข้ากับตัวเองถึงกับร้องไม่เป็น ต่างก็ยอมรับแบบไม่มีเงื่อนไขตั้งแต่ก่อนเดินทางไปแล้ว กลับมาพูดถึง “ขุนพลช้างศึก” กันดีกว่าเท่าที่ดูจากรายชื่อนักเตะแล้วแม้จะไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ตามที่หมายมั่นไว้ แต่ภาพรวมๆประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าไม่ขี้เหร่เลย ขอเพียงอย่างเดียวนักเตะแต่ละคนต้องเล่นได้ตามฟอร์มที่ตัวเองเป็นและไม่ตื่นตระหนกกับเกมที่เกิดขึ้น แค่นี้ก็เชื่อว่าโอกาสที่เราจะไปถึงฝั่งฝันคงไม่ไกลเกินเอื้อม
แม้สายของไทยดูเหมือนกรุ๊ปออฟเดธแต่ถ้าเทียบศักยภาพอย่างแท้จริงแล้วไทยไม่เป็นรอง อาจจะมีเพียงคู่รักคู่แค้นอย่าง “ดาวทอง” เวียดนาม ที่น่าจะเป็นกระดูกชิ้นโตสักหน่อย เอาเถอะครับสุดท้ายถ้าไปเจอกันในรอบชิงอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่อย่าลืมว่าเมื่อ “ทัพญวน” ถูกมองเป็นตัวเต็งความกดดันย่อมมากขึ้นด้วย จากนี้ขอเพียง “ช้างศึก” เปิดหัวให้ดีเล่นอย่างรัดกุมไม่ประมาทเป้าหมายคงไม่ไกลเกินเอื้อม.
ข่าวกีฬาเพิ่มเติม >>> ยังไม่ฟื้น “เลเวอร์คูเซน” บุกพ่าย “เอาก์สบวร์ก” ปราชัย 2 นัดติด ศึกบุนเดสลีกา